วันศุกร์ที่ 27 กรกฎาคม พ.ศ. 2555

การเตรียมตัวสอบเเบบไม่ให้เครียด


การเตรียมตัวสอบเเบบไม่ให้เครียด 

    วิธีการเตรียมตัวสอบแบบไม่ให้เครียดค่ะเพื่อนๆ
ประการแรก จัดเวลาอ่านหนังสืออย่างสม่ำเสมอ ทุกวัน วันละ 2-3 ชั่วโมงก่อนเข้านอน โดยอาจทำไปพร้อม ๆ กับการเตรียมบทเรียน เนื้อหาที่จะเรียนในครั้งต่อไปไว้ล่วงหน้า เพื่อว่าสงสัยหรือข้องใจประเด็นอะไร ก็จะได้จดบันทึกเอาไว้ ขอคำอธิบายจากอาจารย์ได้ต่อไป

ต่อมาเรื่อง การท่องจำ ไม่ใช่ต้องจำให้ได้ทั้งหมดทุกคำพูดทุกประโยค แต่ควรท่องจำเฉพาะประเด็นหลัก ๆ ที่สำคัญเท่านั้น และควรท่องจำด้วยการอาศัยความเข้าใจ สามารถนำประเด็นหลักใจความสำคัญไปประยุกต์ขยายความได้ เพื่อว่าจะได้ไม่หนักหรือคร่ำเคร่งจนเกินไป

ควรมีการ ทำโน้ตย่อสั้น ๆ ง่าย ๆ เพื่อความสะดวกในการจดจำ ถ้ามีเวลา ยามว่างก็สามารถพกพาหรือหยิบขึ้นมาอ่านทบทวนดูได้ง่าย
เรื่องการ กวดวิชา นั้น ถ้าคิดว่าจำเป็นต้องทำความเข้าใจเฉพาะเจาะจงวิชาเนื้อหาใดเนื้อหาหนึ่งให้มาก เราก็อาจจะไปกวดวิชากับสถาบันการศึกษาที่มีผู้เชี่ยวชาญก็ได้ ซึ่งก็มีสถาบันกวดวิชาหลายแห่งที่เปิดรับสมัครอยู่

นอกจากนี้ ควรฝึก ทำข้อสอบเก่า ๆ เพื่อประลองฝีมือ ศึกษาวิธีตอบและทดสอบความรู้ความเข้าใจของตนเองว่าสามารถพิชิตคะแนนข้อสอบเก่าๆ ได้เท่าใด ผ่านเกณฑ์ประเมินและใช้เวลาเหมาะสมตามที่กำหนดหรือไม่ ถ้ายังไม่ดีพอก็ควรฝึกปรือเพิ่มเติมใหม่ โดยพิจารณาเนื้อหาประเด็นที่ยังเป็นจุดอ่อนอยู่ให้เป็นพิเศษ ก่อนลงสนามสอบแข่งขันจริง

ถ้าจะให้ดีควร รวมกลุ่มเพื่อน เพื่อร่วมพูดคุย แลกเปลี่ยนความคิดเห็นแลกเปลี่ยนความรู้ ทบทวนเนื้อหากัน ตลอดจนใครมีความถนัดเข้าใจเนื้อหาวิชาใดเป็นพิเศษก็จะได้เล่าได้สอนเพื่อนอีกทีหนึ่ง สุดท้ายที่ลืมไม่ได้ เมื่อเราเตรียมตัวพร้อมแล้วขอให้เรา มั่นใจในตนเอง ทำให้ดีที่สุด ทำให้เต็มความสามารถ อย่ากังวลหรือเครียดจนทำลายสมาธิตนเองอย่างเด็ดขาดนะคะ

วันศุกร์ที่ 6 กรกฎาคม พ.ศ. 2555

เทคนิคการเรียนวิชาคณิตศาสตร์


เทคนิคการเรียนวิชาคณิตศาสตร์
เป้าหมายสูงสุดของการเรียนคณิตศาสตร์ก็คือ การนำไปใช้ในชีวิตประจำวัน และการนำไปใช้เป็นพื้นฐานการศึกษาวิชาชีพต่างๆ หลายคนอาจสงสัยว่า ไม่เห็นต้องเรียนคณิตศาสตร์มากนัก บวก ลบ คูณหารจำนวนเราก็มีเครื่องคิดเลขใช้แล้ว นับว่าเป็นความเข้าใจผิด คณิตศาสตร์มิใช่เพียงต้องให้คิดคำนวณเกี่ยวกับตัวเลขเท่านั้น
เทคนิคการเรียนวิชาคณิตศาสตร์
ในโลกยุคปัจจุบันเมื่อเราเรียนคณิตศาสตร์เราควรได้คุณสมบัติต่อไปนี้จากการเรียน

1. ความสามารถในการสำรวจ
2. ความสามารถในการคาดเดา
3. ความสามารถในการให้เหตุผล
4. ความสามารถในการนำความรู้ไปใช้แก้ปัญหาที่ไม่เคยพบได้อย่างมีประสิทธิภาพ คุณสมบัตินี้เรียกว่าศักยภาพทางคณิตศาสตร์ (Mathematical Power) ไม่ว่าเราจะมีอาชีพอะไรถ้าเรามีคุณสมบัตินี้ เรียกได้ว่าเป็นคนที่มีศักยภาพทางคณิตศาสตร์
เทคนิคการเรียนวิชาคณิตศาสตร์
การเรียนรู้คณิตศาสตร์ ถ้าเราถูกสอนโดยวิธีครูบอกความรู้ หรือเทคนิคลัดๆ ให้ท่องจำ นำไปใช้โดยปราศจากความเข้าใจ ไม่รู้ที่มา ไม่รู้เหตุผล เราก็จะไม่ได้คุณสมบัติดังกล่าว อะไรคือหัวใจสำคัญของคณิตศาสตร์ เมื่อเราเรียนคณิตศาสตร์ไปจนถึงระดับมัธยมศึกษา เราควรได้สิ่งต่อไปนี้
1. มีความรู้ใน คำศัพท์ บทนิยาม หลักการ ทฤษฎีบท โครงสร้าง วิธีการ
มีความเข้าใจ ในความคิดรวบยอดจนสามารถอธิบายได้ หรือเขียนได้ หรือยกตัวอย่างได้ แปลงปัญหาจากรูป หนึ่งไปสู่รูปหนึ่งได้ ประมาณคำตอบได้ ระบุความสัมพันธ์ได้ ตรวจสอบผลที่เกิดได้
2. มีทักษะต่างๆ ดังนี้ ทักษะการแก้ปัญหา การนำความรู้ไปใช้ในชีวิตจริง การคิดอย่างมีเหตุผล การคิดคำนวณ การวัด การประมาณ การอ่านและแปลผลข้อมูล การนำเสนอข้อมูล การทำนาย และการใช้คอมพิวเตอร์
3. มีความสามารถในการวิเคราะห์และประยุกต์ใช้
เทคนิคการเรียนวิชาคณิตศาสตร์
เราจะมีวิธีเรียนคณิตศาสตร์อย่างไรให้ได้ดี เราต้องเริ่มฝึกฝนการเป็นผู้เรียนที่ดี
1. เวลาฟังครู หรือเวลาอ่าน ต้อง คิด ถาม จด ถ้าไม่เข้าใจควรจดคำถามไว้เพื่อคิดค้นคว้า หรือถามผู้รู้ต่อไป
2. หมั่นดูหนังสือหรือทำการบ้านอย่างมีประสิทธิภาพ ควรหามุมอ่านหรือทำการบ้านที่เหมาะสมกับตนเอง
3. จัดเวลาสำหรับทบทวนสิ่งที่เรียนมา หรืออ่านล่วงหน้าสิ่งที่จะเรียนต่อไป และถ้าปฏิบัติตามที่กำหนดได้ควรให้ รางวัลตัวเอง เช่น ได้ขนม ได้เล่น ได้ฟังเพลง ดูทีวี ได้เล่นกีฬา เป็นต้น ถ้าทำไม่ได้ตาม กำหนดควรหาเวลาชดเชย
4. ทบทวนความรู้กับเพื่อน อย่าหวงวิชา แบ่งปันความรู้อธิบายให้กันและกัน อย่าช่วยเหลือเพื่อนในทางที่ผิด เช่น ทุจริตเวลาสอบ หรือให้ลอกงานโดยไม่เข้าใจ
5. ศึกษาด้วยตนเอง มิใช่ต้องเรียนจากครูเพียงอย่างเดียว การศึกษาด้วยตนเองจากตำราหลายๆ เล่ม ต้องทำ ความเข้าใจจดสาระสำคัญต่างๆ ลงในโน้ตย่อ จดสิ่งที่ไม่เข้าใจไว้ค้นคว้าต่อไป ถ้าต้องการเชี่ยวชาญ คณิตศาสตร์ ต้องหมั่นหาโจทย์แปลกใหม่มาทำมากๆ เช่นโจทย์แข่งขันเป็นต้น
เทคนิคการเรียนวิชาคณิตศาสตร์
เราต้องเรียนด้วยความเข้าใจเสียก่อน จากนั้นเราต้องหมั่นทบทวน ก่อนอื่นเราจะต้องมีความรู้เกี่ยวกับ การจำการลืมก่อน จากการศึกษาของนักจิตวิทยาเกี่ยวกับการจำการลืมของมนุษย์พบว่า คนเรามีอัตราการจำหรือลืมดังกราฟข้างล่างนี้
 เทคนิคการเรียนวิชาคณิตศาสตร์
        จากการทดลองของนักจิตวิทยา พบว่าเมื่อเวลาผ่านไปหนึ่งวัน เราจะจำเรื่องราวที่ตนอ่านไปได้ประมาณครึ่งหนึ่ง และลดลงไปอีกครึ่งหนึ่งของที่เหลือทุก 7 วันนในที่สุดจะนึกไม่ออกเลย การที่จะให้สิ่งที่เรียนมาไปอยู่ติดตัวเราได้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ เราควรกลับไปทบทวนทันทีที่เราเรียนในแต่ละวัน จากนั้นเราทิ้งช่วงไปทบทวนรวบยอดในวันหยุด เสาร์ อาทิตย์ เพื่อมิให้เกิน 7 วัน จากนั้นเราทิ้งช่วงเป็น 2 สัปดาห์ควรทวนอีกครั้ง และเมื่อผ่านไป 1 เดือนควรทบเรารวบยอดทวนอีกครั้งตอนสอบกลางเทอม อย่าลืมว่าความรู้ใหม่ที่เรารับเข้าไปในแต่ละวันจะมีพอกพูนขึ้นไปเรื่อยๆ เราควรทำโน้ตย่อสาระสำคัญรวบรวมบทนิยาม สูตร กฎ และวิธีการ เราทบทวนจากโน้ตย่อจะช่วยให้เราเสียเวลาทบทวนน้อยลง
 
เหตุที่ว่า ทำไมเด็กส่วนใหญ่ไม่ชอบวิชาคณิตศาสตร์
      มีหลายสาเหตุ บางคนไม่ชอบเพราะไม่ถนัด มันยากเกินไป ไม่ชอบคิด พวกนี้ไม่ค่อยจะประสบผลสำเร็จในการทำแบบฝึกหัด มักทำไม่ได้หรือทำผิดบ่อยๆ จึงท้อแท้ เบื่อหน่าย และเกลียดในที่สุด บางคนไม่ชอบเพราะครูสอนไม่เข้าใจ สอนไม่สนุก ครูดุ จู้จี้ขี้บ่น ให้การบ้านเยอะ
ทางแก้อยู่ที่ครูจะต้องสำรวจว่าเด็กไม่ชอบคณิตศาสตร์เพราะอะไร ครูต้องปรับปรุงการสอนทำของยากให้เป็นของง่าย ทำของน่าเบื่อหน่ายให้น่าสนุก และควรปรับปรุงบุคลิกให้ไม่ดุจนเกินไป ไม่เจ้าระเบียบมากจนเกินเหตุ การบ้านก็มีแต่พอควร เลือกให้เด็กทำสิ่งที่สำคัญและจำเป็นก่อน
ถ้าเราเลือกครูไม่ได้ บังเอิญเราต้องเรียนกับครูที่สอนไม่รู้เรื่อง สอนไม่สนุก ดุ จู้จี้ขี้บ่น เราต้องหาตำราหลายๆ เล่มมาศึกษาค้นคว้าด้วยตนเอง เมื่อไม่เข้าใจให้ปรึกษาผู้รู้ ถามกันอธิบายกันในหมู่เพื่อนๆ เราอดทนในที่สุดเราจะพบว่า เราเป็นคนเก่งคนหนึ่ง
 
เรื่องที่เป็นปัญหามากที่สุด คือ โจทย์ปัญหาทุกเรื่อง วิธีการเรียนเรื่องนี้ให้ได้ดีต้องเริ่มจากการทำความเข้าใจโจทย์เสียก่อน มีคำศัพท์อะไรที่เราไม่รู้จักหรือลืม มีข้อความตอนใดที่เราไม่เข้าใจ เราต้องทำความเข้าใจก่อน โจทย์ถามอะไร และโจทย์กำหนดอะไรมาให้บ้าง อาจวาดภาพช่วย อาจสร้างตารางช่วย
ขั้นต่อไปวางแผนแก้ปัญหา และดำเนินการแก้ปัญหา และสุดท้ายเราต้องตรวจสอบคำตอบ ขั้นตอนที่กล่าวมานี้ แนะนำโดย จอร์จ โพลยา ได้รับความนิยมมากว่า 50 ปี
ที่สำคัญเราควรฝึกการแก้ปัญหาที่หลากหลายเพื่อสะสมประสบ การณ์ยุทธวิธีการแก้ปัญหา 
ตัวอย่างปัญหาในระดับมัธยมศึกษาที่เด็กในระดับประถมศึกษาก็แก้ได้ มีนกและหนูรวมกัน 15 ตัว นับขารวมกันได้ 40 ขา ถามว่ามีนกและหนูอย่างละกี่ตัว เด็กระดับมัธยมศึกษาขึ้นไปมักจะใช้วิธีแก้สมการ เด็กระดับประถมศึกษาจะใช้วิธีวาดภาพ หัว 15 หัว แล้วเติมขาทีละ 2 ขา ได้ 30 ขา เหลือขาอีก 10 ขา นำไปเติมจะได้หนู 5 ตัว เด็กบางคนใช้วิธีลองผิดลองถูกเช่นสมมุติว่ามี นก 7 ตัว มีหนู 8 ตัว แล้วคำนวณขาว่าได้ 40 ขา หรือไม่ ถ้าไม่ได้ก็ลดหรือเพิ่มจำนวนตัวสัตว์ไปเรื่อยๆ ก็จะพบคำตอบซึ่งอาจช้า บางคนอาจสร้างตารางแจงนับทุกรูปแบบเริ่มตั้งแต่ นก 1 ตัว หนู 14 ตัว จนถึงนก 14 ตัว หนู 1 ตัว แล้วตรวจสอบนับจำนวนขาจะได้คำตอบเช่นกัน
 
วิธีหนึ่งสำหรับคนที่มีเวลาน้อย เริ่มด้วยการทบทวนบทนิยาม สูตร กฎ วิธีการจากโน้ตย่อ จากนั้นทบทวนวิธีการแก้ปัญหาจากโจทย์ปัญหาโดยนึกว่าแผนการแก้ปัญหาสำหรับโจทย์ข้อนี้จะเป็นอย่างไรแล้วตรวจสอบจากเฉลยที่เราทำแบบฝึกหัดไว้ เราไม่ต้องลงมือแก้ปัญหาจริง เพียงแต่คิดวิธีการโดยเฉพาะข้อยากเราต้องคิดก่อน แต่ถ้าเรามีเวลามากเราก็อาจทบทวนโดยลงมือแก้ปัญหาอีกครั้งก็จะทำให้เราได้ฝึกฝนความแม่นยำ

 
 คนที่เก่งคณิตศาสตร์มีประโยชน์ต่อประเทศชาติอย่างยิ่ง เพราะคณิตศาสตร์มิใช่เป็นเพียงราชินีของวิทยาศาสตร์ดังเช่นที่ เกาส์นักคณิตศาสตร์ผู้ยิ่งใหญ่กล่าวไว้ในอดีตเท่านั้น ปัจจุบันคณิตศาสตร์เป็นพื้นฐานของศาสตร์อีกหลายสาขาเช่น วิศวกรรมศาสตร์ เศรษฐศาสตร์ เกษตรศาสตร์ ฯลฯ เราลองนึกภาพถ้าเรามีเกษตรกรที่เก่งคณิตศาสตร์ เราคงจะได้ปุ๋ยสูตรใหม่ๆ การกำจัดแมลงวิธีใหม่ หรือพืชพันธุ์ใหม่ที่มีคุณภาพเหมาะกับบ้านเรา หรือการใช้ทรัพยากรที่มีอยู่ทำเกษตรกรรมอย่างคุ้มค่า ตลอดจนแปรรูปผลิตผลทางเกษตรให้เป็นสินค้าที่จะนำรายได้สู่ครอบครัวหรือประเทศ เรามีคนที่มีคุณสมบัติอย่างนี้น้อยมาก
ประเทศชั้นนำของโลกให้ความสำคัญต่อคณิตศาสตร์อย่างยิ่ง บางประเทศพัฒนาเด็กจนสามารถมีเด็กเก่งคณิตศาสตร์ได้ถึงร้อยละ 40 เช่น สิงคโปร์ ไต้หวัน บางประเทศถ้าเห็นว่าคณิตศาสตร์ของประเทศตนแย่ลงเพียงเล็กน้อยก็จะทุ่มเทให้ความสำคัญเช่นสหรัฐอเมริกา แต่ประเทศเรามีคนเก่งคณิตศาสตร์ตามธรรมชาติปริมาณไม่เกินร้อยละ3 โดยที่ความเก่งนั้นเมื่อเทียบกับต่างประเทศเรายังอยู่ในอันดับท้ายๆ เราให้ความสำคัญในด้านนี้น้อยเกินไป ประเทศเรามีนักคณิตศาสตร์ประมาณ 30 คน มีคนเล่าว่าเวียดนามมีถึง 600 คน ปัจจุบันเราต้องจ้างศาตราจารย์ทางคณิตศาสตร์ชาวเวียดนามมาสอนในมหาวิทยาลัย

วันศุกร์ที่ 29 มิถุนายน พ.ศ. 2555

รวม 10 โปรแกรมสแกนไวรัสที่มีคนโหลดเยอะ...(ของฟรีนะจ๊ะ)

           ส่วนมากเราจะชอบโหลดโปรแกรมสแกนไวรัสจากเว็บไซต์ต่าง ๆ กันใช่ไหม (สำหรับคนที่ชอบของฟรี...!!!) รู้ไหมว่าโปรแกรมใดที่มีคนโหลดมาใช้กันเยอะที่สุด แล้วโปรแกรมแต่ละโปรแกรมสามารถทำอะไรได้บ้าง ลองไปดูกันเลยดีกว่าครับ http://www.techxcite.com/topic/4217.html

วันพฤหัสบดีที่ 21 มิถุนายน พ.ศ. 2555

Paradox ความขัดแย้งบนความลงรอย


Paradox ความขัดแย้งบนความลงรอย



Paradox หรือ ปฎิทรรศน์ คือเหตุการณ์ ประโยคที่เป็นจริงชัดเจน แต่สุดท้ายนำไปสู่ความขัดแย้งในตัวเอง หรือสถานการณ์ที่อยู่นอกความคิดทั่วไป

เนื่องมากจากภาพยนตร์ที่ เรื่อง Inception จิตพิฆาตโลก หนังเทคนิคการสร้างยอดเยี่ยมโดนใจ มาไม่นานทำรายได้เป็นอันดับที่ 25 ของโลก

เรื่องราวเกี่ยวกับการเข้าไปในโลกแห่งความฝัน สร้างสรรค์สิ่งต่างๆ ในความฝัน อีกทั้งการเข้าไปขโมยความคิดในความฝัน

นอนจากการสร้างบ้านเมืองสวยงามในความฝันแล้ว เรื่องราวของสิ่งที่เรียกว่า Paradox ชายผู้หนึ่งสร้าง Paradox ในความฝัน ทำเป็นรูป บันไดวนที่ไม่มีจุดสูงสุด ไม่มีจุดต่ำสุดและใช้มันสู้กับ ศัตรูในความฝันของตน

     บันใดแบบถูกสร้างโดย Lionel Sharples Penrose ชาวอังกฤษ ที่เป็นนักคณิตศาสตร์, นักพันธุศาสตร์, นักจิตวิทยา (คนอะไรเป็นซะเยอะขนาดนี้)
    ในสมัยเด็กบันไดพกนี้ทำผมปั่นป่วนจิตใจอยู่พอดูในการพยายามหาจุดที่สูงที่สุดและจุดที่ต่ำที่สุด คิดไปคิดมาแล้วแทบกรี๊ดด ก็มันไม่มีตรงไหนสูงสุดต่ำสุดขัดแย้งกันเต็มที่
    นอกจากบันไดแล้วก็ยังมีรูปอื่นๆอีกมากมายเช่น









                         กะว่าจะไม่เล่นแล้วไงมุกนี้

นอกจากภาพแล้วเป็นเรื่องราวก็มี

ยกตัวอย่างกันซักหน่อย ด้วยนิทานเล็กๆน้อยๆ
1. ณ เมืองแห่งหนึ่งอันไกลแสนไกล เมืองๆนั้นมีช่างตัดผมฝีมือดีอยู่หนึ่งคน อยู่มาวันหนึ่งช่างตัดผมผู้นั้นก็พูดขึ้นว่า "ข้าคือช่างตัดผมฝีมือดี หน้าที่ของข้าคือตัดผมของทุกคนในเมืองที่ไม่ได้ตัดผมของตนเอง" แต่ปัญหามันอยู่ตรงที่ เขาตัดผมตนเองหรือไม่

ถ้าเขาตัดผมของตนเองแสดงว่า เขาเป็นคนที่ไม่ได้ตัดผมของตนเอง
แต่ถ้าเขาไม่ได้ตัดผมของตนเอง แสดงว่าเขาถูกตนเองตัดผมให้

สิ่งนี้เป็นความขัดแย้งในตัวเองที่เรียกว่า Russell's Paradox ตั้งชื่อตามผู้คิดค้น
ถ้าเขียนเป็นเชิงคณิตศาสตร์ก็ได้เป็น


(ทำตัวให้ดูเหมือนมีความรู้ซะบ้าง)

หลักคือ เซตๆหนึ่งนิยามโดยเซ็ตทุกเซ็ตที่ไม่ได้มีตัวเองเป็นสมาชิก เราจะพบปัญหาคือเซ็ตนั้นมีตนเองเป็นสมาชิกหรือไม่



2.  นักศึกษาผู้หนึ่งพูดขึ้นว่า "นักศึกษามีแต่พูดโกหก" ประโยคนี้เป็นอย่างไง สรุปว่านักศึกษาคนนี้พูดจริงหรือพูดโกหก
ตรงนี้คือ Richard's Paradox ตั้งตามชื่อคนค้นเสนอเป็นคนแรกเช่นกัน

3. ยักษ์กินคนจับเหยื่อได้ และเล่นกับเหยื่อว่าถ้าเหยื่อสามารถทายใจของตนได้ เหยื่อจะถูกปล่อยไป เหยื่อผู้หน้าสงสารก็เลยทายว่า "ท่านคิดว่าท่านจะกินข้า"

4. ชายคนหนึ่งสอบถามนาย และ นาย พูดว่า "นาย พูดแต่เรื่องโกหก" ส่วนนาย ก็พูดว่า "นาย พูดแต่ความจริง"...... ใครพูดความจริง ใครพูดโกหกกันแน่

5. เผ่ากินคน จับเหยื่อได้และเสี่ยงทางกับเหยื่อว่าให้เล่าเรื่องมาเรื่องหนึ่ง ถ้าหัวหน้าเผ่าคิดว่าเรื่องนั้นเป็นเรื่องจริง ให้จับไปต้ม แต่ถ้าเป็นเรื่องโกหกให้จับไปย่าง เหยื่อจึงเหล่าว่า "เขาจะถูกจับไปย่าง" หัวหน้าเผ่าคิดอยู่นานก็คิดไม่ออกว่าจะต้มหรือ ย่างดี จนในที่สุดก็เอาเหยื่อผู้นั้นไปขังไว้รอวันคิดเสร็จ และเหยื่อผู้นั้นก็ถูกขังอยู่ตั้งแต่วันนั้นจนถึงปัจจุบัน.........

พาราด็อกซ์ ยังมีอีกหลายเรื่องหลายรูปแบบ หลายสาขาวิชาเช่น

 ตรรกศาสตร์
-Free will and omniscience paradox ถ้ามีผู้หยั่งรู้และรู้ว่าจะเกิดอะไรอยู่ก่อนแล้ว (ผู้กำหนดโชคชะตาคน) ก็แสดงว่า เราไม่มีเจตจำนงที่เป็นอิสระ
-Time Paradox (หรือ Grandfather paradox)
กรณีที่มีการย้อนกลับไปแก้ไขเหตุการณ์ในอดีต ที่จะส่งผลให้เกิดเหตุการณ์ในปัจจุบัน เช่น การย้อนกลับไปฆ่าพ่อแม่ของตนเองก่อนที่ตนจะเกิด ก็จะเกิดข้อขัดแย้งทางเวลาว่า ตัวของเราเกิดมาได้อย่างไร เมื่อพ่อแม่ถูกฆ่าไปแล้ว

เศรฐศาสตร์
-Leontief's paradox ปัญหาว่าทำไม ประเทศที่อุดมด้วยปัจจัยทุนจึงมีการส่งออกสินค้าที่ใช้แรงงานเป็นหลัก
-Giffen's paradox ปัญหาว่าทำไมบางสินค้า ยิ่งขึ้นราคา คนยิ่งซื้อ (เช่น ขนมปัง ในยามสงคราม)
-Diamond-water paradox (paradox of value) ปัญหาว่าทำไมน้ำจึงถูกกว่าเพชร ทั้งๆที่คนต้องการน้ำมากกว่า
ทีมาhttp://mathminton.blogspot.com/2010/11/paradox-incpetion.html

ชีทประกอบการเรียน

ชีทประกอบการเรียน เป็นเอกสารประกอบการติว

วันเสาร์ที่ 9 มิถุนายน พ.ศ. 2555

วันศุกร์ที่ 8 มิถุนายน พ.ศ. 2555

กำลังใจก่สร้างได้ด้วยตัว

วันนี้ผมล้มลง แต่วันข้างหน้าผมจะลุงขึ้นใหม่
วันนี้ผมอ่อนแอ  แต่วันข้างหน้าผมจะเข้มแ็ข็ง
วันนี้ผมท้อแท้และสิ้นหวัง  แต่วันข้างหน้าผมสู้ สู้จนขาดใจ
วันนี้ผมไม่มีใคร  แต่วันข้างหน้าผมจะเป็นเพื่อนกับคนทั้งโลก
 วันนี้..ผมเดินตามคุณๆ  แต่วันข้างหน้าผมจะกับมาเป็นผู้นำคุณ




                                                           
                               

                                                             


แรงบันดาลใจ

     สำหรับแรงบันดาลใจในการทำ  Blogger นี้ผมได้มาจากอาจารย์ผู้สอนรายวิชา Set theory.(krupee) ในตอนแรงผมได้พยายามหาทางเผยแพร่Website  การเรียนรู้ต่างๆที่ผมได้ศึกษาขณะเรียนนั้น ผมได้คิดหาหนทางต่างๆ   เริ่มคิดแม้แต่จะสร้างWebเป็นของตัวเองแต่ก่ทำไม่เพราะไม่มีความรู้ในการทำWebsite จนได้สร้างกลุ่มใจรัก ฮักเรียน ในFacebook แต่ก่มีบันปัญหาในการสร้างลิงก์ Webกับอื่นๆ ซึ่งมันสร้างขึ้นยาก
และเวลาลิก์แล้วมันมีปํญหาต่างๆ จึงได้มาเจอกับอาจารย์ผู้สอนในรายวิชานี้ ท่านก่ได้แนะนำมา  ผมก่เลยมานั่งศึกษาในส่วนของกระบวนการทำ ก่ได้ลองทำอยู่สองสามลิงก์แรก ก่ล้มไม่เป็นท่าไม่ลิงก์อะไรเ็ป็นอะไรมั่วกันไปหมด แต่ก่ได้พยามยามใหม่ครับ  เพราะ ถ้าเราล้มแล้วไม่ลุกมันก่เหมือนคนขี้ขาด ที่ยอมอะไรง่ายๆๆจริงไหม..>_-

ความรู้

ความมีอยู่รอบๆตัวเรา แค่นิวสัมผัสก่สร้างความรู้ได้

วันพฤหัสบดีที่ 7 มิถุนายน พ.ศ. 2555

ยินดีตอนรับครับ

     ผมมีความคิดว่า..จะสร้าง blogger นี้ขึ้นเพื่อใช้แบ่งบันความรู้  และประสบการณ์ และแบ่งบันเว็บไซ ข้อสอบ บทเรียนต่างๆ และสาระน่ารู้